วิธีการเลือกแตงโมให้หวานอร่อย
ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback)
วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558
การแข่งเรือ
ประเพณีแข่งเรือ เป็นประเพณีหน้าน้ำของคนไทย เป็นการละเล่นในยามน้ำหลากที่สืบทอดมาแต่โบราณ และมักมีการแข่งเรือควบคู่ไปกับการทำบุญ ปิดทอง ไหว้พระและงานกฐิน ช่วยสร้างบรรยากาศให้งานบุญครึกครื้นขึ้น
ประเพณีแข่งเรือ เป็นการละเล่นที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยในชนบทถิ่นที่อยู่อาศัยใกล้น้ำ ในช่วงเดือนสิบเอ็ดและเดือนสิบสอง ชาวบ้านเว้นว่างจากการทำไร่ทำนา เป็นโอกาสที่หนุ่มสาวได้พบปะเกี้ยวพาราสีกัน ได้เห็นฝีไม้ลายมือของชายอกสามศอก ได้เห็นความสามัคคีพร้อมเพรียงของเหล่าหนุ่มฝีพาย การแข่งเรือมักมีการเล่นเพลงเรือ เพลงปรบไก่ เพลงครึ่งท่อน และสักวาโต้ตอบกันระหว่างหนุ่มสาวหลังการแข่งเรือ เป็นกรใช้ฝีปากไหวพริบและความเป็นเจ้าบทเจ้ากลอน โต้ตอบเกี้ยวพาราสีกัน ได้แสดงความสามารถทั้งหญิงและชาย ผู้ดูมีทั้งอยู่บนตลิ่ง และที่พายเรือกันไปเป็นหมู่ ต่างสนุกสนานกันทั่วหน้า
เรือแข่งที่แถบชาวบ้านลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาใช้แข่ง เรียกเรือยาว ซึ่งทำจากท่อนซุงทั้งต้น การต่อเรือยาวต้องใช้ความรู้ ความชำนาญมาก จึงจะได้เรือที่สวยและแล่นได้เร็วเวลาพาย
ปัจจุบันประเพณีการแข่งเรือยังมีเหลืออยู่บ้างไม่มากเหมือนสมัยก่อน เพราะวิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไป แต่เราไม่ค่อยจะได้ยินเสียงเพลงเห่เรือของฝีพายและของชาวบ้าน กลับได้ยินเพลงลูกทุ่งแทน เพราะขาดผู้รู้คุณค่าและความสนใจที่จะรักษาไว้ จึงไม่ได้สนับสนุนผู้มีความรู้ความสามารถในการเห่เรือ ให้สืบทอดประเพณีนี้ต่อมา เป็นที่น่ายินดีที่หน่วยงานราชการ และเอกชนบางแห่ง เล็งเห็นคุณค่าของประเพณีแข่งเรือ จึงได้จัดให้มีการแข่งเรือขึ้นในหลายๆท้องถิ่นที่อยู่ริมน้ำ ซึ่งประสบผลสำเร็จ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติมากมาย
จุดประสงค์การแข่งขันเรือยาว
- ฉลองเทศการออกพรรษาของชาว ไทยพุทธเพราะจะจัดขึ้นหลังจากออกพรรษาแล้ว
- เป็นการสร้างความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน
ในอดีตนั้นจะใช้เรือยาวในการแห่กฐินหรือผ้าป่าไปวัด และเพื่อความสนุกสนานและความเพลิดเพลิน จึงได้จัดแข่งขันเรือยาวขึ้นด้วย
- เป็นโอกาสดีของหนุ่มสาว ต่างหมู่บ้านที่จะได้รู้จักพบปะสังสรรค์กัน
ประเพณีแข่งเรือ เป็นประเพณีหน้าน้ำของคนไทย เป็นการละเล่นในยามน้ำหลากที่สืบทอดมาแต่โบราณ และมักมีการแข่งเรือควบคู่ไปกับการทำบุญ ปิดทอง ไหว้พระและงานกฐิน ช่วยสร้างบรรยากาศให้งานบุญครึกครื้นขึ้น
ประเพณีแข่งเรือ เป็นการละเล่นที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยในชนบทถิ่นที่อยู่อาศัยใกล้น้ำ ในช่วงเดือนสิบเอ็ดและเดือนสิบสอง ชาวบ้านเว้นว่างจากการทำไร่ทำนา เป็นโอกาสที่หนุ่มสาวได้พบปะเกี้ยวพาราสีกัน ได้เห็นฝีไม้ลายมือของชายอกสามศอก ได้เห็นความสามัคคีพร้อมเพรียงของเหล่าหนุ่มฝีพาย การแข่งเรือมักมีการเล่นเพลงเรือ เพลงปรบไก่ เพลงครึ่งท่อน และสักวาโต้ตอบกันระหว่างหนุ่มสาวหลังการแข่งเรือ เป็นกรใช้ฝีปากไหวพริบและความเป็นเจ้าบทเจ้ากลอน โต้ตอบเกี้ยวพาราสีกัน ได้แสดงความสามารถทั้งหญิงและชาย ผู้ดูมีทั้งอยู่บนตลิ่ง และที่พายเรือกันไปเป็นหมู่ ต่างสนุกสนานกันทั่วหน้า
เรือแข่งที่แถบชาวบ้านลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาใช้แข่ง เรียกเรือยาว ซึ่งทำจากท่อนซุงทั้งต้น การต่อเรือยาวต้องใช้ความรู้ ความชำนาญมาก จึงจะได้เรือที่สวยและแล่นได้เร็วเวลาพาย
ปัจจุบันประเพณีการแข่งเรือยังมีเหลืออยู่บ้างไม่มากเหมือนสมัยก่อน เพราะวิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไป แต่เราไม่ค่อยจะได้ยินเสียงเพลงเห่เรือของฝีพายและของชาวบ้าน กลับได้ยินเพลงลูกทุ่งแทน เพราะขาดผู้รู้คุณค่าและความสนใจที่จะรักษาไว้ จึงไม่ได้สนับสนุนผู้มีความรู้ความสามารถในการเห่เรือ ให้สืบทอดประเพณีนี้ต่อมา เป็นที่น่ายินดีที่หน่วยงานราชการ และเอกชนบางแห่ง เล็งเห็นคุณค่าของประเพณีแข่งเรือ จึงได้จัดให้มีการแข่งเรือขึ้นในหลายๆท้องถิ่นที่อยู่ริมน้ำ ซึ่งประสบผลสำเร็จ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติมากมาย
จุดประสงค์การแข่งขันเรือยาว
- ฉลองเทศการออกพรรษาของชาว ไทยพุทธเพราะจะจัดขึ้นหลังจากออกพรรษาแล้ว
- เป็นการสร้างความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน
ในอดีตนั้นจะใช้เรือยาวในการแห่กฐินหรือผ้าป่าไปวัด และเพื่อความสนุกสนานและความเพลิดเพลิน จึงได้จัดแข่งขันเรือยาวขึ้นด้วย
- เป็นโอกาสดีของหนุ่มสาว ต่างหมู่บ้านที่จะได้รู้จักพบปะสังสรรค์กัน
แมวไทย
แมววิเชียรมาศ “เพชรแห่งดวงจันทร์”
ลักษณะที่เป็นข้อเด่น
ลักษณะสีขน : ขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)
ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
ลักษณะของนัยน์ตา : ตามีสีฟ้า
ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อย
ขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
แมวศุภลักษณ์ “แมวทองแดง”
ลักษณะที่เป็นข้อเด่น
ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีน้ำตาลเข้มคล้ายสีสนิม (สีทองแดง) บริเวณส่วนหู ใบหน้า ปลายขา หาง จะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆ ไป
ลักษณะของส่วนหัว : ค่อนข้างกลมและกว้าง หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง หูใหญ่
ลักษณะของนัยน์ตา : แมวชนิดนี้จะมีดวงตาออกเป็นลักษณะเหลืองๆ หรือออกสีอำพัน หนวดของแมวศุภลักษณ์จะมีสีแวววาวเหมือนกับลวดทองแดงเลยทีเดียว
ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อย
ขนยาวเกินไป สีอ่อนเกินไป มีแต้มสีขาวปน เช่น ที่บริเวณหน้าอก หรือช่องท้อง มีไม่สม่ำเสมอ เช่น มีลายเห็นเป็นทางตามลำตัว โดยเฉพาะตามใบหน้า ขาและหาง นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด
แมวมาเลศ “แมวโคราช
(คนสมัยโบราณมีความเชื่อว่า แมวสีสวาดเป็นแมวนำโชคลาภของคนโคราช แมวสีสวาดเคยประกวดชนะเลิศในระดับโลกมาแล้วในปี พ.ศ. 2503 ที่สหรัฐอเมริกา เป็นแมวตัวเมียชื่อว่าสุนัน และเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศมาก จึงนับว่าแมวไทยได้ทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยเป็นอันมาก)
ลักษณะที่เป็นข้อเด่น
ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีสวาด (silver blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย
ลักษณะของส่วนหัว : หัวเมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน
ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน
ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อย ๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อย
ขนยาวเกินไป มีสีอื่นปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป
แมวขาวมณี
(แมวขาวมณี หรือ ขาวปลอดเป็นสายพันธุ์ที่พบเห็นได้มากสุดในปัจจุบัน เป็นแมวไทยโบราณที่ไม่ได้มีบันทึกไว้ในสมุดข่อย จึงเชื่อว่าเป็นแมวที่เพิ่งกำเนิดในต้นยุครัตนโกสินทร์นี่เอง นิยมเลี้ยงไว้ในราชสำนักครั้งหนึ่งในสมัยรัชการที่5 แมวชนิดนี้เป็นที่โปรดปราณมาก ในต่างประเทศนิยมเลี้ยงกันเป็นคู่เพื่อให้ผลัดกันทำความสะอาดขน เป็นแมวที่ค่อนข้างเชื่อง เหมาะสำหรับการเลี้ยงเป็นเพื่อนได้เป็นอย่างดี)
ลักษณะที่เป็นข้อเด่น
สีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้น นุ่ม รูปร่างลำตัวยาวขาเรียว ทรงเพียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป หัวไม่กลมโต แต่เป็นทรงสามเหลี่ยมคล้ายหัวใจ หน้าผากแบนใหญ่ หูขนาดใหญ่และตั้งตรงจมูกสั้น ดวงตาจะรีเล็กน้อยนัยน์ตาเป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพันสีใดสีหนึ่งเมื่อนำแมวขาวมณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขางมณีตาสี อำพัน ลูกที่ออกมาจะมีตาสองสี คือ สีฟ้าข้างหนึ่งและสีเหลืองอำพันข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะที่ถูกควบคุมโดยยีนด้อยในแมวขาวมณีแทบทุกตัวจะมีจุดด้อย เช่น ถ้ามีตาสองสีมักมีตาข้างหนึ่งที่ไม่ดี อาจมองเห็นไม่ชัดหรือมองไม่เห็นเลย ถ้าแมวตาสีฟ้ามักจะหูพิการ หรือไม่ได้ยินเสียงมากนัก และแมวตาสีเหลืองอำพันมักมีต่อมขนที่ไม่ดี
ลักษณะที่เป็นข้อด้อย
ความไม่ขาวปลอด มีสีใดสีหนึ่งแซมเข้ามา รวมถึงตาสองข้างเป็นคนละสีกัน (Odd eyes) หรือเป็นสีอื่นสีใดที่ไม่ใช่สีฟ้าหรือเหลืองอำพัน ก็ไม่เป็นที่ยอมรับ (อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศนั้นกลับนิยมแมวขาวมณีที่มีตาคนละสีมากกว่าตาสีเดียว) เช่นเดียวกับขนที่ยาวมากเกินขนาด หางคด หางขอด หางงอและ หางสั้น
วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
สุนัขไทย
สุนัขพันธุ์ไทย มีมากมายหลายชนิด ยิ่งปัจจุบันนี้สุนัขไทยผสมข้ามพันธุ์กันมากมายจนไม่รู้พันธุ์ดั้งเดิมของมันว่า พ่อพันธุ์แม่พันธุ์เป็นชนิดพันธุ์อะไรจนฟั่นเฟือนไปหมด แต่ก็ยังมีท่านผู้รู้สุนัขพันธุ์ไทยดีได้คัดสรรเผ่าพันธุ์แท้จริงของสุนัขไทยไว้พอคนรุ่นหลังจะได้ศึกษากันในอนาคต
สุนัขพันธุ์ไทยมีกี่ชนิด
เมื่อกล่าวถึงสุนัขพันธุ์ไทย ตามที่นักวิชาการทางนี้ ท่านว่ามี 2 ชนิดคือ
1. พันธุ์หลังอาน เป็นสุนัขพันธุ์ไทยที่แปลกกว่าพันธุ์ไทยอื่นๆตรงที่ บนหลังของมันจะปรากฏมีขวัญเริ่มตรงบริเวณเหนือหัวไหล่แล้วย้อนม้วนหางกลับไปตามกลางสันหลังไปจนถึงหลังสะโพก จะมองเห็นลอยขวัญได้ชัดเจนทุกๆตัว ที่มีหลังอาน
ส่วนข้อที่เคยระบุเอกลักษณ์ประจำตัวสุนัขพันธุ์ไว้เป็นบรรทัดฐานว่า
1.1 สุนัขพันธุ์ไทยจะต้องมี ลักษณะหลังอาน
1.2 จะต้อง มีลักษณะหูตั้ง มีลักษณะคล้ายกลีบบัว
1.3 จะต้องมี ลักษณะหางดาบ คือหางเรียวปลายแหลมโค้งงอไปด้านหน้าเล็กน้อย คล้ายดาบนักรบไทยโบราณ
ถ้าสุนัขตัวใดมีครบลักษณะทั้ง 3 ประการนี้ จัดเป็นสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานนทั้งสิ้น และจะมีสีกายของมันเป็นสีนวล สีเหลือง สีสวาด และสีนากเป็นส่วนมาก
2. พันธุ์หลังไม่อาน คือเป็นพันธุ์สุนัขไทยที่เลี้ยงกันมาแต่สมัย ปู่ ย่า ตา ยายแล้ว แปลกกันอย่างแรก ตรงที่หลัง ของสุนัขแบบนี้ไม่มีขวัญบนหลัง จึงไม่เรียกว่า หลังอาน ส่วนที่แสดงลักษณะพันธุ์สุนัขไทยชัดเจนที่รู้ๆกันได้แก่ หูตั้งทั้งคู่ มีลักษณะเป็นคล้ายกลีบบัว มีอุ้งป้องหูตรงปลายแหลม
ลักษณะบ่งบอกชัดเจนอีกประการหนึ่ง ที่ทุกคนมองก็รู้ว่าเป็นสุนัขพันธุ์ไทยแท้ ก็คือ หางดาบ
อนึ่ง พึงดูลักษณะความต่างของสุนัขพันธุ์ไทยทั้ง 2 อย่างดังกล่าวมานั้น ตรงที่พันธุ์หลังอาน ดั้งเดิมนั้น จะเป็นสุนัขที่มีสีตัวกายเพียงสีเดียวคือ จะนวล เหลือง แดง สวาด หรือสีนาก ก็มีสีเดียวทั้งตัว เว้นแต่บางตัวอาจจะเข้า “ ตำราลักษณะสุนัขมงคลโบราณ” ปลายเท้าทั้ง 4 ข้างจะเป็นสีขาว คล้ายสวมปลอกขาไว้ให้ดูต่างกับสีตัวสีกายของมัน
อนึ่ง บางตัวจะมีปลายหางเป็นดอกข้าว เรียกว่า อ้ายหางดอก นี่เป็นลักษณะเด่นชัดของสุนัขไทยพันธุ์หลังอาน ที่คนนิยมหามาเลี้ยงกันเพราะตามตำรา ท่านว่า สุนัขชนิดนี้จะค้ำคูณหนุนเงินทองให้ได้ลาภเกียรติยศ ชื่อเสียง เพิ่มบุญบารมี อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากโรคาพยาธิแก่ผู้เลี้ยงและสมาชิกในครอบครัวนั้นๆพันธุ์หลังไม่อาน หรือพันธุ์สุนัขไทยโบราณ จะเหมือนกับสุนัขตอนแรกที่มีหูตั้ง หางดาบ เท่านั้น แต่บนแผ่นหลังจะไม่มีขวัญทำให้เป็นอานสุนัขชนิดนี้ มักจะมีสีตัวสีกายหลายๆสีปะปนกัน ซึ่งนอกจากจะมีเพียงสีเดียวบ้างแล้ว ที่เคยพบเห็นจะเป็นสุนัขสีแดง เขียว ดำ ขาว ด่าง ดอกลายเสือ นาก เทา แต้ม กล่าวโดยรวมก็คือ มักจะเป็นสุนัขที่มีสีอื่นๆมาปะปนกับสีพื้นตัวของมันด้วย เช่น สีเทาอมนาก สีแดงปนเหลือง ลายเสือปนจุดดำจุดขาวแดง ฯลฯ
สุนัขไทย
1. สุนัขไทยโบราณ
เป็นสุนัขที่มีลักษณะท่าทางที่เป็นตัวของตัวเอง สง่า มีชั้นเชิง ขนสั้นเกรียนติดผิวหนัง รูปร่างไม่ใหญ่นัก เลี้ยงง่าย นิสัยซื่อสัตย์ รักเจ้าของ แต่ไม่ขี้ประจบ สุนัขไทยโบราณธรรมชาตินั้นหาได้ยากมากแล้ว ในปัจจุบัน
2. สุนัขไทยหลังอาน
เป็นพันธุ์พื้นเมืองไทยแท้ๆ ถิ่นกำเนิดแถบภาคตะวันออก มีประวัติความเป็นมายาวนาน หลักฐานเก่าแก่ที่กล่าวถึงสุนัขพันธุ์นี้ พบในสมุดข่อยโบราณที่บันทึกในสมัยกรุงศรีอยุธยา สุนัขหลังอานมีขนาดใหญ่ ลักษณะเด่นคือ หูตั้ง ปากมอม หางดาบ หลังอานลูกศร นิสัยดุร้ายมาก โดยเฉพาะในอาณาเขตบ้าน จงรักภักดีต่อเจ้าของอย่างยิ่ง
3. สุนัขไทยบางแก้ว
เป็นสุนัขพันธุ์ดุขึ้นชื่อของจังหวัดพิษณุโลก มีนิสัยรักและชอบอยู่ใกล้ชิดเจ้าของ ความจำดี มักหวงของในบ้าน ไม่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า หรือแต่งตัวมอซอ จุดเด่นของสุนัขพันธุ์นี้ก็คือ ที่รูหูมีขนปิด เหมือนสุนัขจิ้งจอก
4. สุนัขไทยไร้ขน
ไม่ใช่สุนัขขี้เรื้อน แต่เป็นสุนัขที่สืบเผ่าพันธุ์มานานแล้วหลายร้อยปี ถิ่นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้ในไทยอยู่แถบจังหวัดขอนแก่น และนครราชสีมา นิสัยดุแต่เชื่อฟังเจ้าของมาก เป็นสุนัขใจกล้า ว่องไว กินอยู่ง่าย สุนัขไทยไร้ขนเท่าที่พบเห็น ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่ตัว
ปล. สุนัขไทยเท่าที่หาได้ในขณะนี้นะคะ ^^
เพิ่มเติม : สุนัขไทยหลังอานหรือสุนัขประจำชาติไทย >>> http://www.facebook.com/photo.php?fbid=399198083460878&set=a.373508609363159.77089.119572598090096&type=3&theater
CR 1 : baanjomyut (http://www.baanjomyut.com/library/thai_pets/index.html)
CR 2 : dogdogdog (http://dogdogdog.site90.com/page2-2.html)
สุนัขพันธุ์ไทยมีกี่ชนิด
เมื่อกล่าวถึงสุนัขพันธุ์ไทย ตามที่นักวิชาการทางนี้ ท่านว่ามี 2 ชนิดคือ
1. พันธุ์หลังอาน เป็นสุนัขพันธุ์ไทยที่แปลกกว่าพันธุ์ไทยอื่นๆตรงที่ บนหลังของมันจะปรากฏมีขวัญเริ่มตรงบริเวณเหนือหัวไหล่แล้วย้อนม้วนหางกลับไปตามกลางสันหลังไปจนถึงหลังสะโพก จะมองเห็นลอยขวัญได้ชัดเจนทุกๆตัว ที่มีหลังอาน
ส่วนข้อที่เคยระบุเอกลักษณ์ประจำตัวสุนัขพันธุ์ไว้เป็นบรรทัดฐานว่า
1.1 สุนัขพันธุ์ไทยจะต้องมี ลักษณะหลังอาน
1.2 จะต้อง มีลักษณะหูตั้ง มีลักษณะคล้ายกลีบบัว
1.3 จะต้องมี ลักษณะหางดาบ คือหางเรียวปลายแหลมโค้งงอไปด้านหน้าเล็กน้อย คล้ายดาบนักรบไทยโบราณ
ถ้าสุนัขตัวใดมีครบลักษณะทั้ง 3 ประการนี้ จัดเป็นสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานนทั้งสิ้น และจะมีสีกายของมันเป็นสีนวล สีเหลือง สีสวาด และสีนากเป็นส่วนมาก
2. พันธุ์หลังไม่อาน คือเป็นพันธุ์สุนัขไทยที่เลี้ยงกันมาแต่สมัย ปู่ ย่า ตา ยายแล้ว แปลกกันอย่างแรก ตรงที่หลัง ของสุนัขแบบนี้ไม่มีขวัญบนหลัง จึงไม่เรียกว่า หลังอาน ส่วนที่แสดงลักษณะพันธุ์สุนัขไทยชัดเจนที่รู้ๆกันได้แก่ หูตั้งทั้งคู่ มีลักษณะเป็นคล้ายกลีบบัว มีอุ้งป้องหูตรงปลายแหลม
ลักษณะบ่งบอกชัดเจนอีกประการหนึ่ง ที่ทุกคนมองก็รู้ว่าเป็นสุนัขพันธุ์ไทยแท้ ก็คือ หางดาบ
อนึ่ง พึงดูลักษณะความต่างของสุนัขพันธุ์ไทยทั้ง 2 อย่างดังกล่าวมานั้น ตรงที่พันธุ์หลังอาน ดั้งเดิมนั้น จะเป็นสุนัขที่มีสีตัวกายเพียงสีเดียวคือ จะนวล เหลือง แดง สวาด หรือสีนาก ก็มีสีเดียวทั้งตัว เว้นแต่บางตัวอาจจะเข้า “ ตำราลักษณะสุนัขมงคลโบราณ” ปลายเท้าทั้ง 4 ข้างจะเป็นสีขาว คล้ายสวมปลอกขาไว้ให้ดูต่างกับสีตัวสีกายของมัน
อนึ่ง บางตัวจะมีปลายหางเป็นดอกข้าว เรียกว่า อ้ายหางดอก นี่เป็นลักษณะเด่นชัดของสุนัขไทยพันธุ์หลังอาน ที่คนนิยมหามาเลี้ยงกันเพราะตามตำรา ท่านว่า สุนัขชนิดนี้จะค้ำคูณหนุนเงินทองให้ได้ลาภเกียรติยศ ชื่อเสียง เพิ่มบุญบารมี อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากโรคาพยาธิแก่ผู้เลี้ยงและสมาชิกในครอบครัวนั้นๆพันธุ์หลังไม่อาน หรือพันธุ์สุนัขไทยโบราณ จะเหมือนกับสุนัขตอนแรกที่มีหูตั้ง หางดาบ เท่านั้น แต่บนแผ่นหลังจะไม่มีขวัญทำให้เป็นอานสุนัขชนิดนี้ มักจะมีสีตัวสีกายหลายๆสีปะปนกัน ซึ่งนอกจากจะมีเพียงสีเดียวบ้างแล้ว ที่เคยพบเห็นจะเป็นสุนัขสีแดง เขียว ดำ ขาว ด่าง ดอกลายเสือ นาก เทา แต้ม กล่าวโดยรวมก็คือ มักจะเป็นสุนัขที่มีสีอื่นๆมาปะปนกับสีพื้นตัวของมันด้วย เช่น สีเทาอมนาก สีแดงปนเหลือง ลายเสือปนจุดดำจุดขาวแดง ฯลฯ
สุนัขไทย
1. สุนัขไทยโบราณ
เป็นสุนัขที่มีลักษณะท่าทางที่เป็นตัวของตัวเอง สง่า มีชั้นเชิง ขนสั้นเกรียนติดผิวหนัง รูปร่างไม่ใหญ่นัก เลี้ยงง่าย นิสัยซื่อสัตย์ รักเจ้าของ แต่ไม่ขี้ประจบ สุนัขไทยโบราณธรรมชาตินั้นหาได้ยากมากแล้ว ในปัจจุบัน
2. สุนัขไทยหลังอาน
เป็นพันธุ์พื้นเมืองไทยแท้ๆ ถิ่นกำเนิดแถบภาคตะวันออก มีประวัติความเป็นมายาวนาน หลักฐานเก่าแก่ที่กล่าวถึงสุนัขพันธุ์นี้ พบในสมุดข่อยโบราณที่บันทึกในสมัยกรุงศรีอยุธยา สุนัขหลังอานมีขนาดใหญ่ ลักษณะเด่นคือ หูตั้ง ปากมอม หางดาบ หลังอานลูกศร นิสัยดุร้ายมาก โดยเฉพาะในอาณาเขตบ้าน จงรักภักดีต่อเจ้าของอย่างยิ่ง
3. สุนัขไทยบางแก้ว
เป็นสุนัขพันธุ์ดุขึ้นชื่อของจังหวัดพิษณุโลก มีนิสัยรักและชอบอยู่ใกล้ชิดเจ้าของ ความจำดี มักหวงของในบ้าน ไม่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า หรือแต่งตัวมอซอ จุดเด่นของสุนัขพันธุ์นี้ก็คือ ที่รูหูมีขนปิด เหมือนสุนัขจิ้งจอก
4. สุนัขไทยไร้ขน
ไม่ใช่สุนัขขี้เรื้อน แต่เป็นสุนัขที่สืบเผ่าพันธุ์มานานแล้วหลายร้อยปี ถิ่นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้ในไทยอยู่แถบจังหวัดขอนแก่น และนครราชสีมา นิสัยดุแต่เชื่อฟังเจ้าของมาก เป็นสุนัขใจกล้า ว่องไว กินอยู่ง่าย สุนัขไทยไร้ขนเท่าที่พบเห็น ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่ตัว
ปล. สุนัขไทยเท่าที่หาได้ในขณะนี้นะคะ ^^
เพิ่มเติม : สุนัขไทยหลังอานหรือสุนัขประจำชาติไทย >>> http://www.facebook.com/photo.php?fbid=399198083460878&set=a.373508609363159.77089.119572598090096&type=3&theater
CR 1 : baanjomyut (http://www.baanjomyut.com/library/thai_pets/index.html)
CR 2 : dogdogdog (http://dogdogdog.site90.com/page2-2.html)
วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ความจริง ... ของน้องหมาบางแก้วที่คนไทยควรรู้
ความจริง ... ของน้องหมาบางแก้วที่คนไทยควรรู้
หมาสายพันธุ์ไหนของไทยที่โด่งดังไปไกลยังต่างแดนคงหนีไม่พ้น
“ไทยหลังอาน” หน้ามอม ขนเกรียน น่าเกรงขาม
และอีกสายพันธุ์ที่หลายครอบครัวทั่วไทยเลี้ยงกันอยู่ นั่นก็คือ “ไทยบางแก้ว”
น้องหมาหน้าคล้ายสุนัขจิ้งจอก ขนฟู ที่ดูเหมือนจะน่ารักแต่กลับดุดันไม่กลัวใครหน้าไหน
มีวีรกรรมสุดแสบให้โจษจันไม่เว้นวัน ซึ่งหลายคนรู้จัก คุ้นเคยกันดี
แต่จะมีสักกี่คนที่รู้เบื้องลึก เบื้องหลังของพวกเขาว่ามีต้นกำเนิดอยู่ที่ไหน
ทำไมมีนิสัย พฤติกรรมเช่นนั้น
บทความนี้พริกก็เลยได้ไปหาข้อมูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับน้องหมาพันธุ์บางแก้วที่พริกเคยเลี้ยงเมื่อหลายปีที่แล้วแต่ไม่ค่อยได้ใส่ใจรายละเอียดชีวิตของพวกเขาสักเท่าไหร่
การเขียนบทความนี้จึงเปรียบเสมือนการได้กลับไปทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงพวกเขาอีกครั้งค่ะ
... ว่าแต่จะเป็นเรื่องอะไรกันบ้าง ตามไปดูกันดีกว่า
บางแก้ว ... เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างน้องหมา 3 เชื้อสาย
100 ปีที่แล้ว บ้านบางแก้ว ต.ท่านางงาม
อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ยังปกคลุมด้วยผืนป่าหนาทึบ
ชาวบ้านส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนเรือนแพริมแม่น้ำลำคลองและประกอบอาชีพประมง
เมื่อเข้าฤดูน้ำหลากก็จะสัญจรเข้าออกหมูบ้านได้เพียงทางเรือเท่านั้น
ถ้าปีไหนน้ำมากเป็นพิเศษก็ไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกไม่ได้เลย น้องหมาที่เลี้ยงไว้ในบ้านก็ออกไปไหนไม่ได้
พอตกกลางคืนก็เจอกับหมาจิ้งจอก หมาป่า ที่ออกมาหากินบริเวณบ้านยามค่ำคืน
จึงเกิดการผสมพันธุ์ ออกลูก ออกหลาน เป็นลูกผสมระหว่างหมาบ้าน หมาจิ้งจอก
และหมาป่า อีกทั้งบ้านบางแก้วยังเป็นพื้นที่ทีห่างไกลชุมชนอื่นๆ
สัญจรไปมาได้เพียงทางน้ำจึง มีอาณาบริเวณจำกัด
จึงส่งผลให้ลักษณะสายพันธุ์จากรุ่นสู่รุ่นค่อยๆ นิ่ง มีเอกลักษณ์ชัดเจน
จนกลายเป็น น้องหมาสายพันธุ์บางแก้ว
บางแก้ว ... มีแผ่นหนังระหว่างนิ้วกว้างกว่าหมาทั่วๆไป
หมู่บ้านบางแก้วอยู่ติดกับแม่น้ำลำคลอง
ชาวบ้านอาศัยอยู่บนแพ น้องหมาบ้างแก้วเกิดมาพร้อมกับสายน้ำ
ธรรมชาติจึงสร้างแผ่นหนังระหว่างนิ้วแต่นิ้วให้กว้างกว่าน้องหมาทั่วๆ ไป
มีฝ่าเท้าที่ค่อนข้างใหญ่ มีข้อเท้าแข็งแรง เพื่อช่วยในการตะกุยน้ำ
ว่ายน้ำได้ดี เพื่อให้เหมาะสมกับการดำรงชีพอยู่ริมน้ำอย่างปลอดภัย
สามารถหากินและเอาตัวรอดได้แม้ในยามน้ำหลาก
จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมน้องหมาบางแก้วเกือบทุกตัวจึงว่ายน้ำได้
ชอบหนีไปลงน้ำในบ่อปลา หรือกะละมังหลังบ้าน ...
เพราะนิสัยนี้มันอยู่ในสายเลือดของพวกเขานั่นเองค่ะ ^^
หลายคนฟันธงไปว่าบางแก้วเป็นน้องหมาก้าวร้าวโดยพันธุกรรม แต่แท้จริงแล้วเป็นพฤติกรรมของน้องหมาบางแก้วที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง
มีความเป็นผู้นำ แบกรับศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์ปกป้องถิ่น และทรัพย์สิน ซึ่งเป็นนิสัยโดยธรรมชาติของน้องหมาที่มีไว้เฝ้าบ้าน (Watch Dog) และ น้องหมาอารักขา (Guard Dog) เกือบทุกสายพันธุ์ เพียงแต่บางแก้วมีความดื้อรั้น
รักศักดิ์ศรี ไม่ยอมรับใครง่ายๆ ประกอบกับการได้รับการส่งเสริมความมั่นใจแบบผิดๆ
ไม่ได้รับการฝึก และ ไม่มีเจ้าของที่มีความสุขุม มั่นคงทางอารมณ์
เป็นจ่าฝูงที่พวกเขายอมรับ ควบคุมพวกเขาได้ จึงเกิดการหล่อหลอม
สั่งสมเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว แสดงตัวเป็นนายของบ้าน ไม่ยอมใคร
บางแก้ว ... จงรักภักดีต่อเจ้านายเพียงผู้เดียว
เรื่องดื้อรั้น ไม่เชื่อฟังคำสั่ง เป็นเรื่องสามัญทั่วไปของคนเลี้ยงบางแก้วต้องเจอ
เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว การจะยอมรับใครเป็นเจ้าของ หรือเป็นนาย
ไม่ใช่เรื่องที่จะมาโอนอ่อนยอมกันง่ายๆ พวกเขาเป็นน้องหมาที่มีความเป็นจ่าฝูง
มีการแสดงอำนาจเหนืออยู่ในตัว แต่เมื่อใดที่พวกเขายอมสยบให้แก่ใคร นั่นหมายถึงว่า
พวกเขายอมรับว่าผู้นั้นเป็นจ่าฝูง มีความสุขุมมั่นคงทางอารมณ์
ซึ่งพวกเขาก็พร้อมจะจงรักภักดีต่อคนคนนั้น และจะปกป้อง จงรักภักดีไปจนวันตาย
แล้วถ้าเพื่อนๆ
ติดตามข่าวของน้องหมาบางแก้วก็จะรู้ว่า เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาน้องหมาบางแก้วของไทยได้รับการรองรับโดยสมาพันธ์สุนัขโลก
(F.C.I) เป็นการชั่วคราว
แม้อาจจะต้องรอตรวจมาตรฐานสายพันธุ์บางแก้วจนกว่าจะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการไปอีกเกือบ
10 ปีก็ตาม
ซึ่งนักพัฒนาสายพันธุ์และผู้เลี้ยงบางแก้วในเมืองไทยก็ต่างพยายามที่จะรักษาเอกลักษณ์มาตรฐานของน้องหมาบางแก้วไว้อย่างสุดความสามารถ
เพื่อให้พลักดันให้น้องหมาไทยบางแก้วยืนตระหง่านอยู่บนเวทีการประกวดสุนัขโลกอย่างสมภาคภูมิ
ประกาศศักดาให้รู้ว่าพวกเขามีความสวยงาม ลักษณะดีไม่แพ้น้องหมาชาติใด ...
วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
สุนัขทรงเลี้ยงในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ประมวลภาพหลากหลายพระอิริยาบถขณะทรงพระสำราญกับเหล่าสุนัขทรงเลี้ยง
สุนัขทรงเลี้ยงในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
คุณโจโฉ เป็นสุนัขพันธ์เกรทเดน ทรงเลี้ยงเมื่อก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐
คุณสุดหล่อ และ คุณหมามุ่ย เป็นสุนัขพันธุ์ดัลเมเชี่ยน
คุณซูซี่ และ คุณคุ้กกี้ เป็นสุนัขพันธุ์คอกเกอร์ สแปเนียล
คุณมะลิ เป็นสุนัขข้างถนน ขนยาวสีขาว ที่หลุดเข้ามาผสมกับคุณสุดหล่อ และคุณหมามุ่ย จนตั้งท้อง และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งให้เจ้าหน้าที่รับมาเลี้ยงดู และรักษาขี้เรื้อน คุณมะลิมีลูกกับคุณสุดหล่อและคุณคุณหมามุ่ยจำนวน ๙ สุนัข ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาทรงถ่ายรูปลูกสุนัขทั้ง ๙ ด้วยพระองค์ และพระราชทานให้กับข้าราชบริพาร
คุณทองกวาว เป็นสุนัขจรจัดที่อยู่บริเวณร้านตัดผมแห่งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงนำมาเลี้ยงและมีลูกกับ คุณทองแท้ จำนวน ๙ สุนัข เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานชื่อให้เป็นชื่อต้นไม้ที่มีคำว่า "ทอง" ผสมอยู่ และพระราชทานนามสกุลว่า เจริญเกศ
คุณทองพันดุลย์ เพศผู้ น้ำหนัก ๒๔๐ กรัม คลอดเอง
คุณทองพันชั่ง เพศผู้ น้ำหนัก ๒๔๐ กรัม คลอดเอง
คุณทองมีดขูด เพศผู้ น้ำหนัก ๒๐๐ กรัม ผ่าออก (ชื่อนี้มีความหมายว่า เป็นสุนัขตัวแรกที่ต้องใช้มีดผ่าออกมา)
คุณโล่ห์ทอง เพศผู้ น้ำหนัก ๒๐๐ กรัม ผ่าออก
คุณทองเดือนห้า เพศผู้ น้ำหนัก ๑๘๐ กรัม ผ่าออก
คุณสร้อยทอง เพศเมีย น้ำหนัก ๘๐ กรัม ผ่าออก (หรือ คุณทองเปี๊ยก เพราะมีตัวเล็กที่สุด)
คุณทองชมพู เพศเมีย น้ำหนัก ๒๒๐ กรัม ผ่าออก (ภายหลังเปลี่ยนเป็นทองอุไร)
คุณทองเครือวัลย์ เพศเมีย น้ำหนัก ๒๔๐ กรัม ผ่าออก
คุณทองเจิม เพศผู้ น้ำหนัก ๑๘๐ กรัม ผ่าออก (ภายหลังเปลี่ยนเป็นสักทอง) (สุนัขตัวนี้มีขีดขาว ๆ ที่จมูก ต่อขึ้นมาถึงหน้าผาก เป็นรูปลิ่ม และมีจุดสีดำอยู่บนหัวเหมือนมีใครมาเจิมไว้ จึงพระราชทานชื่อว่า ทองเจิม)
คุณทองแดง เป็นลูกของ "แดง" สุนัขจรจัดบริเวณซอยศูนย์แพทย์พัฒนา ถนนพระราม ๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงนำมาเลี้ยงหลังจากเสด็จพระราชดำเนินไปเปิดศูนย์การแพทย์พระราม ๙ และนายแพทย์คนหนึ่งนำคุณทองแดงมาทูลเกล้าฯ ถวายให้ทรงทอดพระเนตร คุณทองแดงเกิดหลังลูกๆ ของคุณมะลิไม่กี่วัน และทรงยกให้คุณมะลิเลี้ยงดู
คุณทองแดงเกิดเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๑ มีพี่น้องรวม ๗ ตัว ซึ่งชาวบ้านตั้งชื่อให้ว่า
ทองแดง เพศเมีย คาลัว เพศเมีย
หนุน เพศเมีย ทองเหลือง เพศผู้ ได้ไปอยู่บ้านของข้าราชบริพารท่านหนึ่ง
ละมุน เพศเมีย โกโร เพศเมีย
โกโส เพศเมีย
คุณทองแดง มีลักษณะพิเศษต่างจากลูกสุนัขตัวอื่น คือ มีสายสร้อยรอบคอครึ่งเส้น มีถุงเท้าขาวทั้ง ๔ ขา มีหางม้วนขดเป็นวง ปลายหางดอกสีขาว และมีจมูกแด่น ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายตัวเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ขณะมีอายุได้ ๕ สัปดาห์ ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงค้นในหนังสือว่า คุณทองแดงมีลักษณะคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์ "บาเซนจิ" ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์โบราณ มีถิ่นกำเนิดทางแอฟริกาใต้ นิยมใช้งานในการล่าสัตว์ แต่คุณทองแดงมีขนาดตัวใหญ่กว่าสุนัขพันธุ์บาเซนจิทั่วไป พระองค์จึงทรงเรียกคุณทองแดงว่าเป็น สุนัขพันธุ์ไทยซูเปอร์บาเซนจิ (ก่อนหน้านี้ทรงเรียกว่า เป็นสุนัข พันธุ์เทศ (ย่อมาจาก เทศบาล))
คุณทองแดง มีลูกกับ คุณทองแท้ จำนวน ๙ สุนัข เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานชื่อให้เป็นชื่อขนมที่มีคำว่า "ทอง" และพระราชทานนามสกุลว่า สุวรรณชาด
คุณทองชมพูนุท เพศเมีย น้ำหนัก ๓๖๐ กรัม คลอดเอง
คุณทองเอก เพศผู้ น้ำหนัก ๓๑๐กรัม คลอดเอง
คุณทองม้วน เพศผู้ น้ำหนัก ๓๓๐ กรัม คลอดเอง
คุณทองทัต เพศผู้ น้ำหนัก ๓๕๐ กรัม คลอดเอง
คุณทองพลุ เพศผู้ น้ำหนัก ๓๐๐ กรัม ต้องฉีดยาช่วย มีลูกกับคุณหิรัญวารี
คุณทองหยิบ เพศผู้ น้ำหนัก ๓๕๐ กรัม คลอดเอง
คุณทองหยอด เพศเมีย น้ำหนัก ๓๒๐ กรัม คลอดเอง มีลูกกับคุณน้ำชา
คุณทองอัฐ เพศเมีย น้ำหนัก ๒๙๐ กรัม คลอดเอง
คุณทองนพคุณ เพศผู้ น้ำหนัก ๓๖๐ กรัม คลอดเอง
ปัจจุบันคุณทองแดงอยู่ที่ วังไกลกังวล และติดตามไปถวายงานรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกครั้ง ไม่ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินไปที่ใด
คุณทองหลาง เป็นสุนัขเพศเมีย ที่เลี้ยงคู่กับคุณทองแดง
คุณทองแท้ เป็นสุนัขเพศผู้ พันธุ์บาเซนจิ ที่มีผู้นำเข้ามาจากเยอรมนีมาถวาย มีลูกกับคุณทองแดงและคุณทองกวาว
คุณทองเย็น (เพศเมีย) และ คุณทองอยู่ (เพศผู้) เป็นสุนัขพันธุ์บาเซนจิ ทั้งคู่ มีลูกสุนัข ๗ สุนัข ในตระกูล "น้ำ"
คุณน้ำฝน คุณน้ำชา เพศผู้ มีลูกกับ คุณทองหยอด
คุณน้ำตาล คุณน้ำนวล
คุณน้ำฟ้า คุณน้ำมันปาล์ม
คุณหิรัญวารี เพศเมีย มีลูกกับ คุณทองพลุ
คุณทองหยอด ลูกของคุณทองแดง มีลูกกับคุณน้ำชา เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ จำนวน ๘ สุนัข ในตระกูล "ข้าว"
คุณข้าวโพดเทียน คุณข้าวตอกดอกไม้
คุณข้าวหลามตัด คุณข้าวคลุกกะปิ
คุณข้าวเหนียวมะม่วง คุณข้าวแดงแกงร้อน
คุณข้าวตังทรงเครื่อง คุณข้าวเกรียบว่าว เพศเมีย
คุณหิรัญวารี มีลูกกับคุณทองพลุ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ จำนวน ๖ สุนัข ในตระกูล "นิล" เป็นสุนัขเพศผู้ และมีสีดำทั้งหมด
คุณนิลเอก คุณนิลพานร
คุณนิลพัท คุณนิลขัน
คุณนิลนนท์ คุณนิลเกสร
วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback)
ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback)มีความเป็นนักล่าสูง แข็งแรง และซื่อสัตย์
ลักษณะทั่วไป
ไทยหลังอานเป็นสุนัขขนาดกลาง ขนสั้น หูตั้งเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายจมูกสีดำและมีขนย้อนกลับที่กลางหลังเป็นรูปต่างๆกัน ยาวไปตามแผ่นหลัง ซึ่งถือเป็นลักษณะเด่น สุนัขไทยหลังอานมีความแข็งแรงมาก อดทนต่อสภาพภูมิอากาศได้โดยทั่วไป ทั้งร้อนและหนาว และยังเป็นสุนัขที่มีสัญชาตญาณของความเป็นนักฆ่าสูง และมีความจงรักภักดีต่อผู้เลี้ยงอีกด้วย
ความเป็นมา
สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานมีแหล่งกำเนิดในประเทศไทยนี่เอง มีการสันนิษฐานว่าไทยหลังอานมาจากสุนัขในกลุ่มพวกหมาป่า และเป็นสุนัขพื้นเมืองในโซนเขตร้อน แต่ไทยหลังอานมีลักษณะพิเศษเฉพาะคือมีขนเป็นเส้นย้อนกลับที่เส้นกลางหลัง ในขณะที่สุนัขสายพันธุ์อื่นๆในกลุ่มเดียวกันไม่มี
ลักษณะนิสัย
ไทยหลังอานมีนิสัยของการเป็นนักล่าชัดเจน เป็นนักล่าที่ดี มีความระแวดระวังสิ่งแปลกปลอมเป็นอย่างดี มีความสามารถในการกระโดดดีเยี่ยม ฉลาด มีความมั่นคง กล้าหาญเด็ดเดี่ยว รักอิสระ มีท่วงท่าที่สง่า และเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ ซึ่งไทยหลังอานมีความขึ้นชื่อในเรื่องของความจงรักภักดี
การดูแล
สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานควรมีกรงนอนให้ด้วย ซึ่งถือเป็นการฝึกวินัยไปในตัว การให้อาหารสุนัขไทยหลังอานนั้นผู้เลี้ยงสามารถให้อาหารได้ตามปกติ แต่ควรสลับมาให้อาหารเม็ดด้วย และไม่ควรลืมที่จะให้น้ำดื่ม ส่วนน้ำที่จะให้สุนัขดื่มนั้นจะต้องเปลี่ยนทุกวัน ด้านการดูแลทำความสะอาด สุนัขไทยหลังอานอาบน้ำเดือนละ 2 ครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่ควรอาบน้ำบ่อยเกินไปเพราะจะทำให้ผิวแห้ง และในเรื่องของสุขภาพควรให้ความระมัดระวังเรื่องโรคผิวหนัง เพราะสุนัขไทยหลังอานมีขนสั้น ยุงหรือเห็บหมัดอาจเป็นพาหะนำโรคมาสู่สุนัขพันธุ์นี้ได้
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
ผู้ที่อยากจะเลี้ยงไทยหลังอานต้องเป็นผู้ที่ให้ความรักและความเอาใจใส่ได้ดีควรเป็นผู้ที่มีเวลาในการดูแลสุนัข เนื่องจากไทยหลังอานต้องการการออกกำลังการ ผู้เลี้ยงควรพาออกไปวิ่งเล่นภายในบริเวณบ้านหรือสวนสาธารณะบ่อยๆ (ทุกครั้งที่พาออกไปวิ่งควรใส่สายจูงด้วย) และที่สำคัญผู้เลี้ยงควรหมั่นตรวจดูสุขภาพของสุนัขโดยเฉพาะเรื่องของสุขภาพผิวหนัง
ข้อควรจำ
เวลาที่สุนัขไทยหลังอานขัดขืน ให้รีบห้ามทันทีด้วยคำว่า “ไม่” เพราะหากปล่อยไปหลังจากนั้น เขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)